Generative AI คือวิวัฒนาการของ AI ที่สามารถสร้างสิ่งใหม่ หรือเนื้อหาใหม่ได้ด้วยตัวเอง เช่น ข้อความ วิดีโอ รูปภาพ และเนื้อหาประเภทอื่น ๆ ได้ ซึ่งแตกต่างจาก Traditional AI ที่เป็นการนำข้อมูลเดิมมาตอบ
โมเดลภาษาขนาดใหญ่ (Large Language Model: LLM) เป็นการเรียนรู้ประเภทหนึ่งโดยใช้ข้อมูลด้านภาษาจำนวนมหาศาลที่รวบรวมจากแหล่งต่าง ๆ เช่น หนังสือ บทความ เว็บไซต์ และอื่นๆ ทำให้เข้าใจโครงสร้างของภาษา บริบท และความหมายที่เกี่ยวข้องกับคำและประโยค และสามารถสร้างเนื้อหาที่มีความคล้ายคลึงกับภาษามนุษย์ออกมาได้ เรียกได้ว่าเป็นการต่อยอดของ Natural language processing (NLP)
การทำงานของ LLM มี 2 ขั้นตอน คือ
1. Pre-training
การเรียนรู้โครงสร้างทางภาษา และแนวโน้มทางสถิติที่มีอยู่ในข้อมูลที่เป็น text ของโมเดล ซึ่งขั้นตอนนี้ต้องการข้อมูลจำนวนมาก เพื่อให้แน่ใจว่าโมเดลจะบันทึกรูปแบบของภาษา และบริบทที่หลากหลาย
2. Fine-tuning
การเทรนโมเดลด้วยข้อมูลเฉพาะที่เกี่ยวกับ application หรืองานที่ต้องการ เช่น การสร้างโค้ด การสร้างข้อความ การเขียนคำโฆษณา เป็นต้น เพื่อให้โมเดลมีความเชี่ยวชาญในงานเฉพาะนั้น ๆ
นอกจากนี้ปัจจุบัน LLM ยังสามารถใช้ใน online search, chatbots, DNA research, sentiment analysis และ customer service
LLM จึงถือเป็น Generative AI ประเภทหนึ่ง เพราะไม่ใช่แค่เรียนรู้ข้อความ แต่สามารถสร้างผลลัพธ์ใหม่ได้อีกด้วย แตกต่างกันที่ Generative AI เป็นภาพรวมของ AI ที่สามารถสร้างผลลัพธ์ใหม่ๆ ได้ โดยอาจจะเป็นผลลัพธ์ประเภทข้อความ รูปภาพ โค้ด VDO แต่สำหรับ LLM จะเป็นการเรียนรู้เฉพาะข้อความเท่านั้น
ทั้งนี้ AI มีหลายประเภท ขึ้นอยู่กับประเภทของชุดข้อมูลตั้งต้น รูปแบบการเรียนรู้ และวัตถุประสงค์ของการใช้งาน ไม่อยากให้ยึดติดว่า AI มีแค่ประเภท Generative AI แต่ยังมีแบบ Traditional AI และมีมากมาย แต่ที่สำคัญที่สุด คือ การประยุกต์นำ AI มาใช้ประโยชน์ เพราะถ้าใช้ไม่เป็น ต่อให้มี AI ที่ฉลาดแค่ไหนไว้ครอบครอง ก็ไม่ก่อให้เกิดผลลัพธ์ใดๆ
Comments