AI คำนี้เป็นคำคุ้นหูที่เราได้ยินกันบ่อย เมื่อพูดถึง AI สิ่งที่สื่อออกมาจากคำนี้ มักเป็นเรื่องราวเกี่ยวกับเทคโนโลยีล้ำสมัย ที่มีความอัจฉริยะ และอาจจะบ่งบอกถึงราคาที่สูงกว่าการทำโครงการแบบปกติ
AI คืออะไรกันแน่ ทำไมคนเขาถึงนิยมพูดถึงกันจัง??
AI ในภาษาไทยเราก็คือ ปัญญาประดิษฐ์ แล้วปัญญาประดิษฐ์คืออะไร ??? ก็คือ ความชาญฉลาดของคอมพิวเตอร์ที่เลียนแบบความฉลาดของมนุษย์ เหตุผลที่คอมพิวเตอร์สามารถเลียนแบบได้ เพราะมันมี “ต้นแบบ” ซึ่งก็คือ “ข้อมูลขนาดใหญ่ หรือ Big Data” นี่เอง หลังจากนั้น ก็นำต้นแบบนั้น มาผ่านการหาความสัมพันธ์ หรือ ประมวลผลเชิงลึก หลายๆ ชั้น เหมือนที่มนุษย์มีแนวทางการคิดหลายๆ แบบ มีหลายๆ ปัจจัย ซึ่งทำให้ได้ผลลัพธ์ที่ลึกล้ำ และนำผลลัพธ์นั้นไปใช้งานต่อได้เลย ไม่จำเป็นต้องการรีวิวจากมนุษย์อีกแล้ว (หากผ่านการ Evaluate หรือ ประเมินผล และอนุมัติให้ใช้แล้ว)
ดังนั้น AI ไม่จำเป็นต้องเป็น Robot แต่จะเป็นอะไรก็ได้ ที่มีการประมวลผล และการทำคล้ายๆ กับการตัดสินใจของมนุษย์
เช่น SIRI ใน iPhone, การแนะนำสินค้าในเว็บไซด์ Amazon.com, การแนะนำตัวสะกดใน Google.com, การปรับแสงถ่ายรูปอัตโนมัติในกล้อง Huawei, โปรแกรม Parking Pilot ของรถ Mercedes-Benzes และระบบอื่นๆ ใกล้ตัวอีกมากมาย
ประเภทของ AI ตัดสินใจจากทั้งตัวตั้งต้น และตัวการแสดงผล ตัวอย่างเข่น AI ประเภท Image Processing ที่มีตัวตั้งต้นเป็นรูปภาพ, AI ประเภท Voice Recognition ที่มีเสียงเป็นตัวต้นแบบ และ AI บางประเภท ก็มีข้อมูลที่เป็นตัวเลขเป็นต้นแบบ
ทำไมต้องใช้ AI เพราะหากให้การตัดสินใจเกิดโดยมนุษย์ อาจจะทำให้ดำเนินการได้ช้าเกินไป ส่งผลให้ประสิทธิภาพการทำงานด้อยลง
AI นั้นฉลาดมาก สามารถประมวลผลได้ลึกล้ำ และอาจจะฉลาดกว่าคนสร้างเสียอีก เพราะ “มนุษย์” มีความเหนื่อยล้า ในขณะที่ AI สามารถประมวลผลได้ตลอดเวลา (ตราบใดก็ตามที่มีไฟฟ้าให้)
ก่อนหน้านี้ที่มีข่าวเรื่องอันตรายจาก AI ก็เกิดจากที่ว่า AI (ที่เป็น AI จริงๆ) จะสามารถตัดสินใจ หรือกระทำงานได้โดยไม่ต้องตรวจสอบ AI บางประเภท จะมีความสามารถในการคิดต่อยอดเองได้อีกด้วย หากไม่ควบคุม AI ให้ดี ก็อาจจะเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันเกิดขึ้นได้
ย้อนกลับมาที่หัวข้อของบทความนี้ เมื่อเราอ่านข่าวใดก็ตาม ที่มีการกล่าวว่าใช้ AI มันก็มีทั้งข้อดี และข้อเสียในตัวเอง ดังนั้น ในการติดตามข่าวสาร ผู้รับสาร อาจจะต้องตั้งคำถามต่อดังนี้
1. ใช้ AI ประเภทไหน
2. ข้อมูลหรือตัวตั้งต้นคืออะไร
3. ผลลัพธ์จาก AI คืออะไร
4. ใครเป็นผู้รับผิดชอบ AI ตัวนี้
เช่น ข่าวที่บอกว่า มีการใช้ AI ในการลงทุน เมื่อวิเคราะห์ดู อาจจะเป็นการใช้ข้อมูลการลงทุนเป็นตัวตั้งต้น และใข้ AI ประเภท Machine Learning ได้ผลลัพธ์ออกมาเป็นการตัดสินใจซื้อขายหุ้น และผู้รับผิดชอบคือบริษัทหลักทรัพย์ ทั้งนี้ จะเชื่อได้หรือไม่ว่า AI จะลงทุนได้อย่างเหมาะสม และมีข้อมูลเกี่ยวกับการลงทุนได้ครบถ้วนหรือไม่ ก็ต้องอยู่ที่ว่า บริษัทหลักทรัพย์นั้น มั่นใจในตัว AI มาน้อยเพียงใด
หลายคนมองว่า AI กำลังจะเข้ามาแย่งงานคน ก็ต้องบอกว่า ทั้งจริง และไม่จริงในตัวเอง เพราะ AI ไม่มีชีวิต AI จะเข้ามาแย่งงานเราได้อย่างไร ถ้าไม่มีคนสั่ง ดังนั้น สิ่งที่แย่งงานมนุษย์ คือ มนุษย์ด้วยกันเองมากกว่า ยิ่งไปกว่านั้น การต่อสู้ในยุคนี้ ไม่ใช่การต่อสู้ระหว่างเทคโนโลยี กับ มนุษย์ แต่เป็นการที่มนุษย์ใช้เทคโนโลยี มาสู้กับมนุษย์ด้วยกันมากกว่า
คนที่ใช้ AI เป็น คือ คนที่แย่งงานคนอื่น ดังนั้นเราทุกคน จึงควรทำความเข้าใจ AI และสามารถใช้งาน AI ให้ได้
หลายครั้งที่อ่านข่าว และพบคำว่า AI ไม่ต้องตกใจ แต่ให้ทำความเข้าใจว่าเหตุใดเขาถึงต้องใช้ AI เขาใช้ AI เพราะเนื้อหาข่าวมีการใช้ AI จริงๆ หรือเพราะต้องการใช้คำว่า AI เพื่อดึงดูดความสนใจ
คำว่า “AI” เป็นคำที่มีความหมายลึกซึ้ง และเป็นเทรนด์ใหม่ใกล้ตัวเราอย่างมาก อย่าปล่อยให้เป็นแค่ Buzzword ที่ใช้กันโดยไม่ทราบความหมายที่แท้จริงเลย