top of page

จะเป็น Digital 4.0 ไม่ใช่แค่การทำ Application



คำว่า “Digital 4.0” ถูกใช้แพร่หลายมาตั้งแต่ปี 2011 โดยมีความสำคัญคือการเชื่อมโยงข้อมูล และใช้ประโยชน์จากข้อมูลให้ได้สูงสุด ซึ่งข้อมูลที่ว่านี้ ควรเก็บอยู่ในรูปแบบพร้อมใช้ พร้อมส่ง และพร้อมนำไปจัดการต่อ หรือเป็นแบบดิจิตอลนั่นเอง

อันดับแรกของการทำ Digital Transformation จึงเป็นการสร้างข้อมูลให้อยู่ในรูปดิจิตอล แทนที่การจดบันทึกด้วยกระดาษ เป็นที่มาให้หลายๆ องค์กร พยายามผลักดันการทำ Application โดยหวังให้มีข้อมูลในแต่ละวันจำนวนมาก จนสามารถต่อยอดเป็นผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ ได้

การออกผลิตภัณฑ์โดยคำนึงถึงผลประโยชน์สูงสุดของผู้ใช้งาน เรียกว่า Customer Centric

ในทางกลับกัน เมื่อ Application ได้รับความนิยมแพร่หลายขึ้น วัตถุประสงค์ของการทำ Application จึงเปลี่ยนแปลงไปเป็นเครื่องมือที่ใช้งาน โดยไม่ได้คำนึงว่าจะต้องเก็บข้อมูลอะไรเพื่อไปใช้ต่อได้บ้าง

หลายๆ Application ที่มีอยู่ในตลาด เป็นสินค้าประเภท Product Centric เพราะนอกจากจะไม่ช่วยตอบโจทย์การใช้ชีวิตให้ผู้ใช้งานแล้ว ยังสร้างภาระบางประการเพิ่มมากขึ้นอีกด้วย

สิ่งที่เกิดขึ้นในปัจจุบันที่พบคือ มี Application เกิดขึ้นมากมาย จนล้นตลาด ทำให้พฤติกรรมของผู้ใช้งาน Application เปลี่ยนไป จากเดิมที่เคยตื่นเต้นกับการ Download Application ใหม่ๆ กลายเป็นไม่อยากโหลด หรือ โหลด มาแล้วก็ลบทิ้ง

วิธีการเก็บข้อมูลมีมากมาย ไม่ใช่แค่การใช้ Application เช่น การใช้ API จากแหล่งข้อมูลอื่นๆ หรือการเก็บข้อมูลจาก Transaction ที่เกิดขึ้นในระบบ ERP เป็นต้น

ดังนั้น การทำจะ Application จึงควรมีเป้าหมายให้ชัดตั้งแต่ จะทำให้ใครใช้ ทำไปเพื่ออะไร ทำแล้วได้ข้อมูลอะไร นำไปใช้ประโยชน์ต่อได้อย่างไร และมีมูลค่าในการลงทุนเท่าไหร่

อีกมุมมองหนึ่งที่องค์กรต้องเข้าใจ คือ การดูแล Application มีค่าใช้จ่ายมากมาย ดังนั้นการจะสร้าง Application ใดก็ตาม จะต้องคำนึงถึง Return of Investment ให้ชัดเจนควบคู่กันไป

ในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา เป็นยุคที่ประเทศไทยพยายามผลักดัน Start-up และสิ่งที่เกิดขึ้นก็คือ เกือบทุก Start-up พยายามทำ Application ซึ่งมีทั้งสำเร็จ และไม่สำเร็จ ปะปนกันไป

 

อย่างไรก็ตาม ปัญหาเรื่องการเชื่อมโยงข้อมูลในหลายองค์กร กลับไม่ได้รับแก้ไข เนื่องจากไม่สามารถสร้างเป็น Application ได้ จึงอาจจะไม่ได้รับการสนับสนุน เช่น การทำระบบเชื่อมโยงจำนวนคนไข้ของโรงพยาบาล การทำ Platform เพื่อเก็บจำนวน Demand and Supply เพื่อการเกษตร การทำระบบ E-Ticket เพื่อเก็บจำนวนผู้ใช้บริการรถโดยสาร เป็นต้น

นั่นเพราะ เราอาจจะติดภาพที่ว่า จะอินเทรนด์ หรือจะเป็น Thailand Digital 4.0 ได้นั้น ต้องทำ Application เท่านั้น

ยิ่งไปกว่านั้น หลายองค์กรเข้าใจว่า เรื่อง Digital เป็นแค่เรื่อง Marketing ที่เน้นการยิงโฆษณาผ่าน Facebook หรือ Google อีกด้วย

กลับไปที่พื่นฐานเดิมของคำว่า Digital 4.0 นั้นคือ การสร้างข้อมูล เชื่อมโยงข้อมูล และใช้ข้อมูลให้เกิดผลประโยชน์สูงสุด ไม่ว่าวิธีการเก็บ เครื่องมือที่เก็บ และการใช้งานจะอยู่ในรูปแบบใดก็ตาม

Digital 4.0 ไม่ใช่แค่เรื่องการทำ Application ไม่ใช่แค่เรื่องของคนยุคใหม่ ไม่ใช่แค่เรื่องของ Marketing แต่มันเปรียบดั่งการปฏิวัติอุตสาหกรรมรูปแบบหนึ่ง ที่ทำให้การตัดสินใจ หรือการดำเนินธุรกิจเปลี่ยนแปลงไป จากเดิมที่ใช้ประสบการณ์ของมนุษย์เป็นหลัก เปลี่ยนไปเป็นใช้ข้อมูลเป็นหลัก

Digital Disruption เริ่มมา 7 ปี แล้วมันยังไม่สายเกินไปใช่หรือไม่ หากเราจะเริ่มทำความเข้าใจไปด้วยกัน ตั้งแต่วันนี้?

 

แท็ก:

bottom of page